โครงการย่อยที่ 1 : กิจกรรมที่ 1 ออกแบบต้นแบบเครื่องจักรขึ้นรูปกระถางเพาะต้นกล้าที่ทำวัสดุเหลือใช้จากเศษพืชต้นทานตะวัน
โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลและออกแบบโครงสร้างเครื่องขึ้นรูปอัดกระถางต้นไม้
1.1. ศึกษาลำต้นทานตะวัน
ถุงเพาะกล้าไม้พลาสติกจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากมีความสะดวกและราคาไม่แพง แต่มีข้อเสียคือวัสดุที่ทำมาจากพลาสติกนั้น เป็นวัสดุที่ต้องใช้เวลานานในการย่อยสลายที่สำคัญ และยังเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้นหากมีการลดการใช้พลาสติกและนำวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาตินที่ไร้ประโยชน์ให้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นจึงได้มีแนวทางในการนำเอาเศษวัสดุเหลือใช้จากต้นทานตะวันมาพัฒนาเป็นกระถางเพาะกล้าไม้ เพื่อให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยคุณสมบัติของลำต้นทานตะวันซึ่งเป็นเป็นไม้ล้มลุก สูง 2-4 เมตร ลำต้นตั้งตรงเป็นแกนแข็ง มีขนสากแข็งสีขาวปกคลุม โดยส่วนใหญ่ลำต้นจะไม่มีแขนง แต่บางพันธุ์ก็อาจมีการแตกแขนง ส่วนขนาดของลำต้นจะขึ้นอยู่กับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ลำต้นทานตะวันมีคุณสมบัติที่ดีมาก ทนทาน อีกทั้งย่อยสลายได้ง่าย เริ่มจากลำต้นทานตะวันมาเข้าเครื่องย่อย โดยเครื่องดังกล่าวนั้นจะทำให้ได้เศษต้นทานตะวันที่มีลักษณะหยาบ ๆ
ภาพที่ 1 ลำต้นทานตะวันเมื่อผ่านเครื่องย่อย
1.2. ตัวประสานแป้งเปียก
แป้งข้าวเหนียวมีคุณสมบัติด้านความหนืดที่ใกล้เคียงกับแป้งข้าวโพด และแป้งข้าวฟ่าง แป้งข้าวเหนียวโดยทั่วไปจะมีปริมาณแอมิโลสอยู่เพียงเล็กน้อยประมาณ 2% และมีเอนไซม์อัลฟา-อะไลเลส (alpha-amylase) อยู่ในแป้งปริมาณหนึ่ง แป้งข้าวเหนียวมักมีความหนืดสูงสุด (Peak viscosity) ต่ำกว่าแป้งข้าวเมล็ดสั้นโดยทั่วไปซึ่งอาจเนื่องจากกิจกรรมของเอนไซม์ดังกล่าว และการที่แป้งข้าวเหนียวไม่มีการคืนตัวของความหนืดทำให้แป้งข้าวเหนียวมีความทนทานต่อการแช่เยือกแข็งและการละลาย (Freeze-thaw stability) กว่าแป้งชนิดอื่น ๆ พฤติกรรมดังที่กล่าวมานี้อาจเกิดจากการที่ไม่มีแอมิโลสเป็นส่วนประกอบในแป้งดังนั้นการเกิดการจัดเรียงตัวกันอีกครั้งของสายแอมิโลสจึงเกิดขึ้นน้อย หรือช่วยในการชะลอการเกิดการคืนตัวของแป้ง อย่างไรก็ตามการใช้แป้งข้าวเหนียวจะช่วยทำให้เนื้อของส่วนผสมนิ่มเฉพาะวันแรกของการผลิต แต่ในระหว่างจากการเก็บรักษาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัสแข็งขึ้น
1.3. การบีบอัดระบบไฮดรอลิก (Hydraulic system)
ระบบไฮดรอลิกเป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนโดยใช้ของไหลเพื่อเคลื่อนย้ายพลังงานที่ส่งถ่ายพลังงานผ่านของไหลที่เป็นตัวขับเคลื่อนในการทำงานในรูปของอัตราการไหลและความดันเปลี่ยนเป็นพลังงานกล โดยผ่านตัวกระทำ เช่น กระบอกสูบ มอเตอร์ไฮดรอลิก ในอุตสาหกรรมและงานก่อสร้างต่าง ๆ นิยมใช้ น้ำมันไฮดรอลิก (Hydraulic Oil) เป็นตัวกลางในการส่งถ่ายพลังงาน เพราะว่าน้ำมันไฮดรอลิกมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ ตัวมันเองมีความหนาแน่นคงตัวทำให้ไม่สามารถถูกบีบอัดได้ ไม่สามารถยุบตัวได้ ซึ่งทำให้การส่งถ่ายพลังงานมีประสิทธิภาพ
โดยระบบไฮดรอลิกมีหลักการทำงานดังนี้
1.3.1. ใช้หลักของไหล (Fluid) อย่างน้ำมันไฮดรอลิกเพื่อสร้างความดัน อนุภาคของของไหลอัดแน่นมากจนไม่สามารถบีบอัดได้ เมื่ออนุภาคเคลื่อนที่พวกมันชนกันและกระแทกกับผนังของภาชนะจนเป็นแรงเคลื่อนแนวตรงของกระบอกไฮดรอลิก ความดันในของไหลถ่ายเทในระดับที่เท่ากันในทุกทิศทางแรงที่กระทำ ณ จุดหนึ่งบนของไหลจะพลักให้กระบอกไฮดรอลิกเคลื่อนเป็นแรงกล
1.3.2. ขนาดเล็กบนพื้นที่หน้าตัดขนาดเล็กจะส่งแรงกดและสร้างแรงขนาดใหญ่บนพื้นที่หน้าตัดที่ใหญ่กว่า โดยพื้นฐานแล้วหากคุณเชื่อมต่อสองกระบอกสูบขนาดใหญ่และขนาดเล็กและใช้แรงกับกระบอกสูงหนึ่ง กระบอกสูบจะสร้างแรงดันเท่ากันในทั้งสองกระบอกสูบ ในระบบไฮดรอลิกการที่เราต้องการแรงจากกระบอกไฮดรอลิกมากน้อยแค่ไหนก็สามารถทำได้โดยการออกแบบกระบอกสูบให้มีพื้นที่หน้าตัดมากน้อยตามต้องการหรือให้ปั๊มที่มีแรงดันสูงขึ้น ซึ่งอัตราการไหลของน้ำมันไฮดรอลิก คือ อัตราการเคลื่อนที่ของน้ำมันไฮดรอลิกในท่อบรรจุของเหลวในอัตราส่วนปริมาตรหรือน้ำหนักต่อหน่วยเวลา โดยทั่วไปจะวัดปริมาตรของการไหลต่อหน่วยเวลาเป็นนาทีหรือวินาที แต่ที่นิยมใช้ที่สุดคือ ลิตร/นาที ถ้ากระบอกสูบมีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน กระบอกสูบที่มีอัตราการไหลมากกว่าจะเคลื่อนที่เร็วกว่า เราสามารถเปรียบเทียบความเร็วของที่มีอัตราการไหลแตกต่างกัน ซึ่งอุปกรณ์และส่วนประกอบของระบบไฮดรอลิก
ภาพที่ 2 ระบบไฮดรอลิก
จากภาพที่ 2 เมื่อดันลูกสูบอันเล็กให้เลื่อนลง ความดันของเหลวในท่อจะเท่ากันหมดทุกที่ เพื่อดันลูกสูบอันใหญ่ให้เลื่อนขึ้นด้วยแรงที่มากกว่าแรงลูกสูบขนาดเล็กหลายเท่า
2. ออกแบบโครงสร้างเครื่องขึ้นรูปอัดกระถางต้นไม้
ได้มีการออกแบบโครงสร้างเครื่องขึ้นรูปกระถางต้นไม้ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยคำนึงถึงความแข็งแรงของโครงสร้างวัสดุที่หาง่าย แล้วหาซื้อได้ตามท้องตลาด ในราคาการเกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ โดยการนำเหล็กมาขึ้นรูปตามที่ออกแบบไว้ ดังภาพที่ 3
ภาพที่ 3 ออกแบบโครงสร้างเครื่องขึ้นรูปกระถาง
3. การพัฒนาเครื่องขึ้นรูปกระถางต้นไม้
การพัฒนาเครื่องขึ้นรูปกระถางต้นไม้ ได้มีการใช้เหล็กเป็นอุปกรณ์ขึ้นโครงสร้าง โดยนำเหล็กที่หามาได้ มาตัดให้ได้ตามขนาดที่ต้องการดังภาพที่ 4 แล้วการเชื่อมเหล็กให้ติดกันให้เป็นรูปแบบที่ต้องการดังภาพที่ 5 แล้วทำการเชื่อมเหล็กให้ติดกันให้เป็นรูปแบบที่ตามที่ได้ออกแบบไว้ แล้วนำอุปกรณ์ส่วนปะกอบของโครงของเครื่องขึ้นรูปกระถางจากเศษต้นทานตะวัน ดังภาพที่ 6 ซึ่งมีอุปกรณ์ดังนี้ แม่แรงขนาด 10 ตัน สปริง และช่องโยกแม่แรง
ภาพที่ 4 ตัดเหล็กให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ภาพที่ 5 การเชื่อมเหล็กให้ติดกันให้เป็นชิ้นส่วนโครงเหล็ก